ประเภทของเงินทุน
ประเภทของเงินทุน
การประกอบธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จผู้ประกอบการจะต้องสามารถจัดการเงินทุนที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเงินทุนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. เงินทุนคงที่ หมายถึง เงินที่ใช้สำหรับซื้อสินทรัพย์ถาวรต่าง ๆ เช่น อาคารสถานที่ อุปกรณ์การผลิต การก่อสร้าง รวมไปถึงที่ดิน เงินทุนคงที่ถือเป็นทุนเริ่มต้นที่มีความสำคัญมาก เพราะหากไม่มีกิจการก็ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ ทุนประเภทนี้มักจะมีจำนวนที่แน่นอนไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก บางธุรกิจสามารถเริ่มต้นด้วยเงินทุนเล็กน้อย เช่น ธุรกิจขนาดย่อม แต่บางธุรกิจต้องใช้เงินทุนสูงมาก เช่น ธุรกิจขนาดใหญ่
2. เงินทุนหมุนเวียน หมายถึง เงินที่จะต้องใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียนจึงถูกนำไปใช้เพื่อการชำระหนี้สิน ค่าแรงงาน ค่าวัตถุดิบ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า เป็นต้น ในการเริ่มต้นธุรกิจผู้ประกอบการจึงมีความต้องการเงินทุนทั้งเงินทุนคงที่และเงินทุนหมุนเวียน เพื่อใช้สำหรับการดำเนินธุรกิจ
องค์การธุรกิจสามารถจัดหาเงินทุน เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการตามระยะเวลาได้ 2 ประเภท คือ
เงินทุนระยะสั้นหมายถึง เงินทุนที่องค์การธุรกิจจัดหา เพื่อใช้ดำเนินงาน มีกำหนดระยะเวลาจ่ายคืนไม่เกิน 1 ปี ได้แก่ การจัดหาทรัพย์สินหมุนเวียน จ่ายเงินเดือนพนักงาน ซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตแหล่งในการจัดหาเงินทุนระยะสั้นได้แก่
1. ธนาคารพาณิชย์ การจัดหาเงินทุนระยะสั้นจากธนาคารพาณิชย์ขององค์การ ธุรกิจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1.1 การเบิกเงินเกินบัญชีธนาคาร คือ องค์การธุรกิจมีบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันเมื่อองค์การธุรกิจมีความต้องการเงินทุนระยะสั้น สามารถทำข้อตกลงกับธนาคารขอเบอกเงินมากกว่าจำนวนที่ฝากไว้ โดยธนาคารอาจขอให้ใช้หลักทรัพย์บุคคลมาค้ำประกัน และธนาคารคิดดอกบเบี้ยจากจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีเงินฝากไปใช้
1.2 การนำสินค้นหรือใบรับสินค้าค้ำประกันการกู้ คือ องค์การธุรกิจกู้เงินจากธนาคารโดยนำสินค้นหรือสลักหลังใบรับสินค้าเป็นหลักประกันการกู้จากธนาคาร กำหนดการชำระเงินเมื่อจำหน่ายสินค้าได้
1.2 การนำสินค้นหรือใบรับสินค้าค้ำประกันการกู้ คือ องค์การธุรกิจกู้เงินจากธนาคารโดยนำสินค้นหรือสลักหลังใบรับสินค้าเป็นหลักประกันการกู้จากธนาคาร กำหนดการชำระเงินเมื่อจำหน่ายสินค้าได้
2. ใช้เอกสารเครดิต คือองค์การธุรกิจใช้เอกสารเครดิตในการกู้เงินจากเจ้าหนี้เอกสารที่ใช้ในการกู้ระยะสั้นได้แก่ เช็คลงวันที่ล่วงหน้า การขายลดตั๋วเงินให้ธนาคารหรือสถาบันการเงิน ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้
3. สินเชื่อทางการค้า คือ องค์การธุรกิจจัดหาเงินทุนระยะสั้นได้ตามประเพณีการค้า โดยการซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ ได้สินค้าก่อนชำนะเงินภายหลัง หรือการรับรองตั๋วแลกเงินที่เจ้าหนี้เป็นผู้ออก
เงินทุนระยะยาว หมายถึง เงินทุนที่องค์การธุรกิจจัดหามีกำหนดระยะเวลาจ่ายคืนเกินกว่า 5 ปีแหล่ง
1. เจ้าของทุนองค์การธุรกิจ โดยการเพ่มทุนของเจ้าขององค์การธุรกิจประเภทเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน และการออกจำหน่ายหุ้นทุนขององค์การธุรกิจ ประเภทบริษัทจำกัด หุ้นทุนของบริษัท ได้แก่
1.1 หุ้นสามัญ บริษัทออกหุ้นสามัญจำหน่ายให้แก่ประชาชน เพื่อนำเงินไปเป็นทุนของบริษัท โดยผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมบริษัท และได้รับเงินปันผลในกรณีบริษัทมีกำไร แต่อัตราเงินปันผลของห้นสามัญไม่กำหนดแน่นอน
1.2 หุ้นบุริมสิทธิ บริษัทออกหุ้นบุริมสิทธิจำหน่ายให้แก่ประชาชน เพื่อนำเงินไปเป็นทุนของบริษัท โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมบริษัท และรับเงินปันผลเป็นอัตราแน่นอน
1.2 หุ้นบุริมสิทธิ บริษัทออกหุ้นบุริมสิทธิจำหน่ายให้แก่ประชาชน เพื่อนำเงินไปเป็นทุนของบริษัท โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมบริษัท และรับเงินปันผลเป็นอัตราแน่นอน
2. ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่น องค์การธุรกิจสามารถจัดหารเงินทุนระยะยาวได้โดยการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่น โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืม เช่น ที่ดิน อาคาร เป็นต้น
3. จำหน่ายพันธบัตร องค์การธุรกิจสามารถจัดหาเงินทุนระยะยาวได้ โดยออกเอกสารจำหน่ายให้แก่ประชาชน ผู้ถือพันธบัตรมีสภาพเป็นเจ้าหนี้ของ องค์การธุรกิจ ผลตอบแทนที่ได้รับคือ ดอกเบี้ยที่มีอัตราแน่นอน ไม่ว่าองค์การธุรกิจจะมีกำไรหรือขาดทุน
4. กู้ยืมจากรัฐบาล รัฐบาลมีนโยบายให้องค์การธุรกิจขนาดเล็กกู้ระยะยาวโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำ เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของธุรกิจ
การบัญชีขององค์การธุรกิจ
การประกอบธุรกิจทุกประเภท มีความจำเป็นที่จะต้องจัดทำบัญชี เพื่อประโยชน์ในการควบคุมบริหารงานของธุรกิจเอง และเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ดังนั้น การจัดทำบัญชีของธุรกิจจำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐาน และหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 285 กำหนดไว้ ดังนี้
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
การประกอบธุรกิจ กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดทำบัญชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจประเภทนิติบุคคลไม่ว่าจะอยู่ระหว่างดำเนินกิจการ หรือไม่ดำเนินกิจการก็ตาม จะต้องจัดทำบัญชี ซึ่งผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการจัดทำบัญชีขององค์กรธุรกิจมีดังนี้
1. องค์การธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
1.1 บริษัทจำกัด ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี คือ กรรมการบริษัท
1.2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี คือ หุ้นส่วนผู้จัดการ
1.3 ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี คือ หุ้นส่วนผู้จัดการ
1.2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี คือ หุ้นส่วนผู้จัดการ
1.3 ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี คือ หุ้นส่วนผู้จัดการ
2. ร้านค้าบุคคลธรรมดา ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี คือ เจ้าของ
ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/599996